จุดประสงค์การเรียนรู้
1) วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่งคงและความเจริญรุ่งเรืองของไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 -7 ได้
2) วิเคราะห์พัฒนาการด้านการเมืองการปกครองของไทย สมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศได้
3) วิเคราะห์พัฒนาการด้านเศรษฐกิจของไทยสมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศได้
4) วิเคราะห์พัฒนาการด้านสังคมของไทยสมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศได้
5) ระบุความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านและชาติตะวันตกได้
6) อธิบายผลที่ได้จากการมีความสัมพันธ์กับชาติต่างๆ ได้
7) บอกความสำคัญของการทำสนธิสัญญาเบาว์ริงได้
8) วิเคราะห์ผลกระทบภายหลังการทำสนธิสัญญาเบาว์ริงได้
9) วิเคราะห์การปฏิรูปประเทศในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้
10) วิเคราะห์สาเหตุการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้
11) วิเคราะห์บทบาทของพระมหากษัตริย์ไทยสมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทยได้
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
ขอบคุณรูปภาพจาก www.silpa-mag.com
การพัฒนาของไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนกลาง
คือช่วงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ไทยตอนนี้ อยู่ที่การทำ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ในสมัยรัชการที่ 4 ผลจากการทำสนธิสัญญาเบาว์ริงทำให้สภาพสังคมไทยเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อนำประเทศให้เจริญก้าวหน้าตามแบบอารยธรรมตะวันตก มีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านการปกครอง
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงแก้ไขเปลี่ยนแปลงประเพณีบางอย่างเพื่อให้ราษฎรมีโอกาสใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ คือ เปิดโอกาสให้ราษฎรเข้าเฝ้าได้โดยสะดวก ให้ราษฎรเข้าเฝ้าถวายฎีการ้องทุกข์ได้ ในขณะที่ทรงเสด็จพระราชดำเนิน ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้ยกเลิกการปกครองแบบจตุสดมภ์ และจัดแบ่งหน่วยราชการเป็นกรมต่างๆ 12 กระทรวง มีเสนาบดีเป็นเจ้ากระทรวง การปกครองส่วนภูมิภาค ทรงยกเลิกการจัดหัวเมืองที่แบ่งเป็นเมืองชั้นเอก โท ตรี และจัตวา แบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคเป็นจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน และการปกครองส่วนท้องถิ่นเริ่มจัดการทดลองแบบ “สุขาภิบาล” ขึ้นเป็นครั้งแรก
2. การปฏิรูปกฎหมายและการศาล
ในรัชกาลที่ 4 ทรงตรากฎหมายขึ้นหลายฉบับ เพื่อให้ทันสมัยและเหมาะสมกับสภาพบ้านเมือง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับมรดก สินสมรส ฯลฯ ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระบิดาแห่งกฎหมายไทย) เป็นกำลังสำคัญ มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนวิชากฎหมาย จัดตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้น
3. ด้านเศรษฐกิจ
ภายหลังการทำสนธิสัญญาเบาว์ริงแล้ว การค้าของไทยเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก ทำให้มีการปรับปรุงด้านเศรษฐกิจ เช่น ในรัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนการใช้เงินพดด้วงมาเป็นเงินเหรียญ มีการขุดคลอง ตัดถนนเพิ่มขึ้นหลายสาย ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนมาตราเงินไทยมาใช้ระบบทศนิยม ใช้ทองคำเป็นมาตรฐานเงินตราแทนเงิน ให้ใช้เหรียญบาท เหรียญสลึง และเหรียญสตางค์แทนเงินแบบเดิม มีการจัดตั้งธนาคารของเอกชนขึ้นเป็นครั้งแรก คือ “แบงก์สยามกัมมาจล” ปัจจุบันคือ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ในสมัยรัชกาลที่ 6 โปรดให้ตั้ง “คลังออมสิน” ขึ้น ปัจจุบันคือ “ธนาคารออมสิน”
4. ด้านการศึกษา
ผู้มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาของไทยตามแบบสมัยใหม่ คือ คณะมิชชันนารีอเมริกัน ในสมัยรัชกาลที่ 4 ก็ได้ตั้งโรงเรียนชายขึ้นที่ตำบลสำเหร่ ซึ่งปัจจุบันคือ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ส่วนโรงเรียนสตรีแห่งแรกในไทยคือ โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ปัจจุบันคือ โรงเรียนวัฒนาวิทยา ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีโรงเรียนประเภทต่างๆ เกิดขึ้น คือ โรงเรียนนายทหารมหาดเล็ก โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ
5. ด้านศาสนา
รัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างวัดขึ้นหลายแห่ง เช่น วัดโสมนัสวิหาร วัดราชประดิษฐ์ วัดปทุมวนาราม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระกรณียกิจที่สำคัญคือ โปรดให้จัดตั้งสถานศึกษาสำหรับพระสงฆ์ขึ้น 2 แห่ง ซึ่งต่อมาเป็นมหาวิทยาลัยของสงฆ์มีการศึกษาถึงระดับปริญญาเอก คือ “มหามกุฏราชวิทยาลัย” วัดบวรนิเวศวิหาร และมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุฯ
6. ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงประกาศให้ข้าราชการสวมเสื้อเวลาเข้าเฝ้า ทรงให้เสรีภาพประชาชนในการนับถือศาสนา และประกอบอาชีพ ให้ข้าราชการสวมเสื้อราชปะแตน และสวมหมวกอย่างยุโรป ข้าราชการทหารแต่งเครื่องแบบตามแบบตะวันตก ทรงเลิกประเพณีหมอบคลานเข้าเฝ้าและให้ยืนเข้าเฝ้าแทน ยกเลิกการโกนผมเมื่อพระมหากษัตริย์สวรรคต
7. ด้านศิลปกรรม
เริ่มมีการก่อสร้างแบบตะวันตก เช่น พระราชวังสราญรมย์ พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี ประติมากรรม ได้แก่ พระพุทธชินราชจำลอง วัดเบญจมบพิตร พระราชนิพนธ์ที่สำคัญ ได้แก่ พระราชพิธีสิบสองเดือน เงาะป่า การก่อสร้างแบบตะวันตก เช่น พระราชวังสนามจันทร์ พระราชวังพญาไท ด้านดนตรีและการแสดงละคร มีความรุ่งเรืองมาก มีการแสดงละครเพิ่มขึ้นหลายประเภท เช่น ละครร้อง ละครพูด ด้านวรรณคดี ได้มีพระราชนิพนธ์หลายเรื่อง เช่น “เวนิสวาณิช” “พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร” ฯลฯ
แหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ
ข้อมูลอ้างอิง
ทีมงานทรูปลูกปัญญา. (6 สิงหาคม 2564). พัฒนาการของไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์. ทรูปลูกปัญญา. https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/34898
ณรงค์ พ่วงพิศ, และคณะ. (2566). หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม.3 (ฉบับ อญ.). อักษรเจริญทัศน์.
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (26 สิงหาคม 2564). ประวัติศาสตร์ ม 3 หน่วยที่ 3 พัฒนาการของชาติไทยสมัยรัตนโกสินทร์ 1. [วิดีโอ]. YouTube. https://youtu.be/mfWE89YQv1I?si=adhP78IfY9Gjnw-b
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (26 สิงหาคม 2564). ประวัติศาสตร์ ม 3 หน่วยที่ 3 พัฒนาการของชาติไทยสมัยรัตนโกสินทร์ 2. [วิดีโอ]. YouTube. https://youtu.be/_Sz8q88YhZ4?si=S8Ep-a1HKttvmDn_
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (26 สิงหาคม 2564). ประวัติศาสตร์ ม 3 หน่วยที่ 3 พัฒนาการของชาติไทยสมัยรัตนโกสินทร์ 3. [วิดีโอ]. YouTube. https://youtu.be/J1pFxW3Kb4Q?si=r7GLe3j1M8d7OHxo
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (26 สิงหาคม 2564). ประวัติศาสตร์ ม 3 หน่วยที่ 3 พัฒนาการของชาติไทยสมัยรัตนโกสินทร์ 4. [วิดีโอ]. YouTube. https://youtu.be/F1ugsETL5GM?si=6fUOJjaWUK0mY87w
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (26 สิงหาคม 2564). ประวัติศาสตร์ ม 3 หน่วยที่ 3 พัฒนาการของชาติไทยสมัยรัตนโกสินทร์ 5. [วิดีโอ]. YouTube. https://youtu.be/F1ugsETL5GM?si=ZlSyToPqTZ1ye6Pg
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (26 สิงหาคม 2564). ประวัติศาสตร์ ม 3 หน่วยที่ 3 พัฒนาการของชาติไทยสมัยรัตนโกสินทร์ 6. [วิดีโอ]. YouTube. https://youtu.be/keFMt2C3-fc?si=60YsF7NIO1S6Gi9t